แบบคิดที่งดงาม
หากจะมีการสำรวจตรวจตราการปฏิบัติงานของแต่ละผู้แต่ละฝ่าย แต่ละองค์กรปครองส่วนท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัดในยามนี้ ย่อมจะเป็นการช่วยปรับปรุงมาตรฐานการทำงานขึ้นได้เป็นอันมาก กล่าวคือ สมาชิกในองค์กรคอยช่วยเตือนสติและเป็นกระจกสะท้อน (Reflected Image) ตัวเราให้เราได้เห็นตนเอง จะทำให้ไม่หลงลืมตน หลงทางเดิน หรือทำอะไรผิดๆ ที่กลายเป็นความล่มสลายทั้งแก่ปัจเจกบุคคลและองค์กรที่เป็นส่วนรวม
กระผมยังจดจำได้ถึงเมื่อวันเวลาปฏิบัติราชการที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเสมือนเพิ่งผ่านไปวันวาน ยังมีความภาคภูมิใจตราบจนวันนี้ที่ สนง.กพร. ประเมินผลการปฏิบัติราชการของ จ.เชียงใหม่ได้ 100 คะแนนเต็มภายใต้การนำของกระผมในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัด (เป็นจังหวัดขนาดใหญ่เพียงจังหวัดเดียวที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณ) กระผมต้องขอยอมรับว่าความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ การมีทีมงานที่ดี กล่าวคือ ทุกคนต้องปรองดอง-ปฏิรูป-โปร่งใส (3ป) ไม่ใช่แตกแยก อวดรู้อวดเบ่ง แอบอ้างผู้ใหญ่ และมองแต่การเรียกหาผลประโยชน์ จนกระทั่งลืมเนื้อลืมตัวในที่สุด แล้วเสียผู้เสียคน คนกลุ่มนี้แม้มีไม่มากแต่กลายเป็นกลุ่มที่ชอบการแสดงออก อยากทำงานในหน้าที่อาวุโส แต่เห็นจะจริงตามที่บรรพชนไทยท่านสอน มีอำนาจเมื่อใดแล้วบริหารจัดการกับการใช้อำนาจที่ตนมีไม่ได้ไม่เป็น สุดท้ายเลยสอบไม่ผ่านอย่างน่าเสียดาย
คติสอนใจประการนี้ ครูอาจารย์สอนเราทุกคนมาแต่เด็ก พยามยามพูดให้น้อยเท่าที่จำเป็นและต้องสุขุม ไม่สร้างภาพหลอกลวงใครเป็นอันขาด เพราะะเมื่อทำได้ครั้งแรกมันจะกลายเป็นนิสัยที่ตามมาอีกหลายๆ ครั้งจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่น่าอับอาย เหมือนกับการประจบประแจงสอพลอ แต่พอเปลี่ยนนายแล้วก็เลิกเอาใจ สู้ไม่ทำเสียแต่แรกจะดีกว่า สบายใจด้วยกันทุกฝ่าย
ข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่กระผมใคร่ขอฝากมายังพี่น้องเพื่อนข้าราชการในช่วงเวลาของการปฏิรูประบบราชการ ช่วยกันขบคิดที่เป็นความหลากหลายแต่ต้องพอเพียง ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย เพื่อประเทศไทยของเรา
ม.ล. ปนัดดา ดิศกุล
๒๐ มิ.ย. ๕๗ / OPMT 33